เรียนโรงเรียนประจำที่ไหนดี?
ระหว่างอังกฤษและอเมริกา
การได้เป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนประจำทำให้น้อง ๆ ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่รายล้อมไปด้วยการเรียน การสอนอยู่ตลอดซึ่งทำให้เกิดเป็นกลุ่มชุมชนเล็ก ๆ ในพื้นที่ตรงนั้นและเป็นการเสริมความรู้ทางด้านวิชาการให้แข็งแกร่งขึ้น หากคุณพ่อและคุณแม่กำลังคิดพิจารณาเรื่องการส่งลูก ๆ ให้เป็นเด็กโรงเรียนประจำนั้น คุณพ่อ คุณแม่ควรที่จะต้องพิจารณาว่าโรงเรียนประจำแบบไหนที่จะเหมาะสมกับน้อง ๆ ในบทความนี้ Point Avenue Thailand จึงจะอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างโรงเรียนประจำในประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงคำแนะนำสำหรับการสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนประจำ
หัวข้อ
-
1. ความแตกต่างระหว่างระบบการศึกษาของโรงเรียนประจำของประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกา1. ความแตกต่างระหว่างระบบการศึกษาของโรงเรียนประจำของประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกา
-
2. หลักสูตร กิจกรรมนอกห้องเรียน และธรรมเนียมปฏิบัติ2. หลักสูตร กิจกรรมนอกห้องเรียน และธรรมเนียมปฏิบัติ
-
3. วิธีและช่วงเวลาที่ควรสมัครเข้าเรียนโรงเรียนประจำ3. วิธีและช่วงเวลาที่ควรสมัครเข้าเรียนโรงเรียนประจำ
-
4. บทสรุป4. บทสรุป
1. ความแตกต่างระหว่างระบบการศึกษาของโรงเรียนประจำของประเทศอังกฤษและประเทศสหรัฐอเมริกา
ความแตกต่างระหว่างระบบการศึกษาของโรงเรียนประจำในทั้งสองประเทศมีดังนี้
- ช่วงอายุ ในประเทศสหรัฐอเมริกาน้อง ๆ จะสามารถเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนประจำได้ในช่วงเกรด 9 หรือที่อายุประมาณ 14-15 ปี และสามารถเรียนจนจบเกรด 12 หรือที่อายุประมาณ 17-18 ปี ในประเทศอังกฤษ จะสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ ปี 7 หรืออายุประมาณ 12 ปี และสามารถเรียนได้จนจบปี 13 หรือที่อายุประมาณ 17-18 ปี
- การวางโครงสร้างตารางเวลาของโรงเรียน โรงเรียนประจำในประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีวันเรียนที่ยาวนานกว่าและหนาแน่นไปด้วยคลาสเรียนวิชาต่าง ๆ แต่ที่ประเทศอังกฤษโรงเรียนประจำจะมีวันเรียนที่สั้นกว่าและเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่มากขึ้น
- หอพัก ที่พักของนักเรียนในโรงเรียนประจำในประเทศสหรัฐอเมริกาจะเป็นลักษณะแบบหอพักซึ่งมีห้องแยกให้น้อง ๆ แต่ที่ประเทศอังกฤษส่วนใหญ่จะมีบ้านเป็นหลังที่มีการแชร์ห้องนอนกัน
2. หลักสูตร กิจกรรมนอกห้องเรียน และธรรมเนียมปฏิบัติ
พอพูดถึงเรื่องของโปรแกรมการเรียนการสอนในโรงเรียนประจำ ทั้งประเทศอังกฤษและประเทศอเมริกามีข้อแตกต่างกันดังนี้
- หลักสูตรการเรียน การสอน หลักสูตรของทางอเมริกาจะเป็นลักษณะหลักสูตรที่ถูกวางเป็นโครงสร้างและน้อง ๆ จะต้องเรียนวิชาต่าง ๆ เช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา ในขณะที่ทางฝั่งประเทศอังกฤษจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าในการเลือกเรียนและน้อง ๆ สามารถเลือกวิชาที่น้อง ๆ มีความเชี่ยวชาญได้
- กิจกรรมนอกห้องเรียน กิจกรรมเสริมนอกห้องเรียนในโรงเรียนประจำที่สหรัฐอเมริกามีความหลากหลายมากตั้งแต่กีฬา ไปถึงดนตรี หรือการละคร ส่วนในประเทศอังกฤษมีเช่นกันแต่อาจจะเน้นในเรื่องของกีฬาประเพณีอย่างคริกเก็ตและรักบี้
- ธรรมเนียมปฏิบัติ โรงเรียนประจำในประเทศสหรัฐอเมริกามีการเน้นเรื่องของปัจเจกชนและภาวะความเป็นผู้นำ ขณะที่ทางฝั่งประเทศอังกฤษ วัฒนธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติจะยึดตามแบบแผนเดิมและมีวัฒนธรรมที่เป็นแบบชนชั้นมากกว่า
3. วิธีและช่วงเวลาที่ควรสมัครเข้าเรียนโรงเรียนประจำ
หากคุณพ่อ คุณแม่สนใจอยากให้น้อง ๆ เรียนในโรงเรียนประจำ Point Avenue Thailand มีข้อแนะนำมาแบ่งปันให้ดังนี้
- ศึกษาหาข้อมูลของโรงเรียนประจำแต่ละที่ หาข้อมูลโรงเรียนประจำแต่ละที่เพื่อเปรียบเทียบกัน และพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ตั้งแต่สถานที่ ขนาดของโรงเรียน โปรแกรมการเรียน และกิจกรรมนอกห้องเรียน
- เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อทำข้อสอบ โรงเรียนประจำหลาย ๆ แห่งมีข้อบังคับให้น้อง ๆ ทำข้อสอบมาตรฐานอย่าง SSAT หรือ ISEB ซึ่งน้อง ๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้า
- ขอจดหมายแนะนำ โรงเรียนประจำหลาย ๆ แห่งมีข้อบังคับให้นักเรียนที่จะเข้าเรียนต้องมีจดหมายแนะนำจากคุณครู หรือบุคคลรอบข้างที่รู้จักน้อง ๆ เป็นอย่างดี
- ศึกษาช่วงเวลาและวันสุดท้ายในแต่ละช่วงการสมัคร การสมัครเรียนโรงเรียนประจำทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกามีช่วงระยะเวลาที่แตกต่างกัน คุณพ่อและคุณแม่สามารถดูตามภาพด้านล่างได้เลยค่ะ
4. บทสรุป
การได้เข้าเรียนในโรงเรียนประจำอาจเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าท้าทายให้น้อง ๆ แต่ไม่ว่าจะเข้าไปเรียนในโรงเรียนประจำที่อังกฤษ หรืออเมริกา สิ่งที่สำคัญคือการค้นคว้าหาข้อมูลและเข้าใจถึงความแตกต่างของทั้งสองระบบ และถ้าหากน้อง ๆ ได้เจอโรงเรียนที่เหมาะสมกับตัวน้อง ๆ น้อง ๆ จะได้ประสบความสำเร็จทางการศึกษาในสภาพแวดล้อมของโรงเรียนประจำ ทั้งนี้ Point Avenue Thailand มีบริการให้คำแนะนำและคำปรึกษาเพื่อเรียนต่อต่างประเทศ หากสนใจ คลิก ที่นี่ เพื่อรับคำปรึกษาฟรีทันที